สาววัย 18 ร้องขอความเป็นธรรมนักบอลอคาเดมี่ทำท้อง 6 เดือน แอบไปแต่งงานกับหญิงอื่น


       สาว 18 ร้องขอความเป็นธรรม อ้างนักบอลอคาเดมี่ทำท้อง 6 เดือน ไม่รับผิดชอบ แต่แอบไปแต่งกับหญิงอื่น กล่าวว่าไม่รักไม่เป็นไร ขอแค่มารับผิดชอบลูกก็พอ

       สาววัย 18 ร้องขอความเป็นธรรมจากนักบอลเหตุทำท้อง 6 เดือนไม่รับผิดชอบ มิหนำซ้ำแอบไปแต่งกับหญิงอื่น สาววัย 18 ชาวบุรีรัมย์ อุ้มท้องมา 6 เดือน ออกมาร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกนักฟุตบอลอคาเดมี่ทำเธอตั้งท้อง แล้วหนีหายไม่รับผิดชอบ ล่าสุดเจอแอบหอบเงินสินสอด สร้อยทอง 2 บาท ไปแต่งหญิงกับอื่น ผู้เสียหายเผยถ้าหมดรักกันไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ดูแลส่งเสียให้ลูก ด้านแม่หญิงคนใหม่เผยไม่เคยรู้มาก่อนว่านีกบอลคนนี้ไปทำผู้หญิงท้อง แต่ในฐานะหัวอกผู้หญิงด้วยกันก็อยากให้ลูกเขยรับผิดชอบดูแลลูกในท้อง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 มีรายงานว่า น.ส.ปนัดดา หรือน้องบีม อายุ 18 ปี ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้นำหลักฐานการฝากครรภ์ออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ โดยเธออ้างว่าได้ตั้งท้องกับ นายบอล อายุ 17 ปี ซึ่งในปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลสังกัดอคาเดมี่ในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติได้เป็นเวลา 6 เดือนแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่เคยแสดงออกถึงความรับผิดชอบ ได้หนีกลับไปอยู่บ้านที่ จ.มหาสารคาม แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทราบข่าวว่า นายบอล ได้แอบไปแต่งงานกับ น.ส.มาย (นามสมมติ) อายุ 18 ปี หญิงสาวอีกคนในอำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยไม่สนว่าตนเองกำลังตั้งท้องอยู่โดย น้องบีม เล่าให้ฟังว่า เธอคบกับ นายบอล ช่วงที่เรียนอยู่ชั้น ม.6 ส่วน นายบอล เรียนอยู่ชั้น ม.4 ซึ่งนายบอลเป็นนักฟุตบอลทีมอคาเดมี่ในเขตพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติด้วย แต่พอตนเรียนจบ ม.6 เมื่อปีที่แล้ว นายบอล ก็มาขออนุญาตยายที่บ้านเพื่อที่ที่จะพาตนไปอยู่ที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม บ้านของฝ่ายชายด้วย ซึ่งตนก็ไปอยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน ก็เริ่มจับได้ว่า นายบอล แอบคบหากับผู้หญิงคนอื่น ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านกับยายที่จังหวัดบุรีรัมย์ จนกระทั่งมีอาการปวดท้องเป็นไส้ติ่งก็ไปหาหมอเพื่อทำการรักษา แต่พอหมอตรวจร่างกายกลับพบว่าตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2 เดือน ตนก็โทรบอก นายบอล ว่าได้ตั้งท้อง ซึ่งนายบอล ก็บอกว่าเดี๋ยวจะให้ทางผู้ใหญ่ไปพูดคุยหารือกัน หลังจากนั้นทางครอบครัว นายบอล ก็บอกว่าจะมาหมั้นหมายไว้ก่อน ซึ่งตนก็รอมาโดยตลอด แต่ นายบอล และทางครอบครัวก็ได้เงียบหายไปไม่เคยที่จะติดต่อมาอีกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายบอล ไม่เคยโทรติดต่อมาถามข่าวคราวตนกับลูกเลยว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง และด้วยฐานะที่ยากจนอาศัยอยู่ที่บ้านกับยาย ที่บ้านไม่มีรถก็ต้องอาศัยรถเพื่อนบ้านเดินทางไปฝากครรภ์ที่ รพ.คนเดียวมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันตั้งท้องได้ 6 เดือน อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดลูกแล้ว แต่ก็เพิ่งจะรู้ข่าวว่า นายบอล แอบไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่อำเภอเฉลิมพระเกียรติเหมือนกัน แต่คนละตำบลตอนที่รับรู้ข่าวนั้นตนตกใจมากจึงโทรติดต่อไปถาม นายบอล ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะทำยังไง ก็เสียใจมาก แล้วพอตนไปถามผู้หญิงคนใหม่ที่ นายบอล แอบไปแต่งงานด้วย เขาก็บอกว่าเพิ่งจะรู้เรื่องเหมือนกัน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าบอลทำผู้หญิงอื่นท้อง แล้วแอบมาแต่งงานด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้โทษหรือโกรธฝ่ายหญิง เพราะเขาก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน แต่ที่ออกมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะอยากให้ นายบอลออกมาแสดงความรับผิดชอบดูแลส่งเสียลูกในท้องด้วย เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดแล้ว ถ้าหมดรักกันแล้วไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไร ขอแค่มารับผิดชอบลูกในท้องในฐานะพ่อก็พอ จากการสอบถาม โค๊ชปิ๊ก อายุ 40 ปี เจ้าของอคาเดมี่และเป็นครูฝึกสอน บอกว่า บอลเป็นนักฟุตบอลในสังกัดจริง ยอมรับว่าตนเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายชายไปงานแต่งนายบอลกับน้องมายจริง แต่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนว่า นายบอล ไปทำผู้หญิงอีกคนท้องแล้วมาแต่งกับอีกคน เพิ่งจะมารู้เมื่อวันก่อนนี้เองเพราะว่ามีคนมาบอก ก็รู้สึกตกใจมากเหมือนกัน จึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายบอล เพราะตอนนี้กลับไปอยู่บ้านที่ จ.มหาสารคาม เขาก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง ตนจึงบอกให้เขากลับมารับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชาย เพราะเด็กในท้องเขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่หากพูดคุยหรือตกลงกันไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับทางผู้เสียหายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะเป็นสิทธิที่เขาสามารถเรียกร้องจากฝ่ายชายได้ จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไป ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อสอบถาม น้องมาย ผู้หญิงคนใหม่ที่นายบอลได้ไปสู่ขอแต่งงานด้วย แต่ไม่พบ น้องมาย อยู่ที่บ้าน พบเพียงแม่ของน้องมาย ซึ่งแม่น้องมายบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่านายบอลผู้ชายที่ลูกตนแต่งงานด้วยทำผู้หญิงท้องแล้วแอบมาแต่งงานกับลูกสาวตน เพราะเขาไม่เคยเล่าไม่เคยบอก แต่ในฐานะหัวอกผู้หญิงด้วยกันก็อยากให้ นายบอลที่เป็นลูกเขยกลับมารับผิดชอบลูกในท้องของผู้หญิงคนนั้นในฐานะพ่อคนหนึ่ง เพราะสงสารฝ่ายหญิงและลูกในท้อง ส่วนลูกสาวตนเอง แม่ก็คิดว่าคงจะรับได้ ส่วนเขาจะตัดสินใจกันยังไงก็แล้วแต่เขา ตนไม่บังคับ.



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จากปากหมอในพื้นที่ เฝ้าระวัง 70 คนงาน เสี่ยงรับผลกระทบซีเซียม-137 ยังไม่พบการปนเปื้อนในร่างกาย

หนุ่มฝันประหลาดเหมือนเดิม 3 ครั้ง ตามไปเจอ "หินนาคราช" คาดเป็นสถาปัตยกรรมในวัฒนธรรมของเขมรโบราณ